วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

การดูแลรักษาลำไยช่วงออกดอก




17ลำไยจัดอยู่ในไม้ผลที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจทางภาคเหนือโดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน เกษตรกรปลูกลำไยเป็นอาชีพมาช้านานหลายชั่วอายุคน ตั้งแต่ปู่ ย่า ตายาย สามารถเลี้ยงครอบครัว ส่งลูกหลานเรียนจบทั้งในประเทศและต่างประเทศมาแล้วมากมาย สั่งสมองค์ความรู้และประสบการณ์สู่รุ่นลูก รุ่นหลาน จนนับได้ว่าเป็นพืชวัฒนธรรมสำหรับภาคเหนือ บางปีผลผลิตมากราคาก็ถูก บางปีผลผลิตน้อยเกษตรกรก็ขายได้เงินเป็นกอบเป็นกำ แต่ปัจจุบันมีการขยายพื้นที่ปลูกเป็นจำนวนมาก มีการปลูกลำไยเกือบจะทุกจังหวัดของประเทศ   โดยเฉพาะภาคตะวันออกในจังหวัด จันทบุรี ที่อำเภอโป่งน้ำร้อนและอำเภอสอยดาว   เป็นไม้ผลอันดับต้นๆที่ทำรายได้ให้เกษตรกรครอบครัวละเป็นล้านบาทเลยทีเดียว   แต่เขาผลิตลำไยนอกฤดูโดยใช้องค์ความรู้ มีการรวมกลุ่มและใช้เทคโนโลยีในการผลิตลำไยอย่างมืออาชีพทำให้ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพ  สำหรับภาคเหนือของเราในเชียงใหม่และ ลำพูนส่วนมากเป็นลำไยในฤดู เริ่มออกดอกในเดือนมกราคม  และเก็บเกี่ยวในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม  มีส่วนน้อยที่ผลิตลำไยนอกฤดู  ปีนี้คาดว่าผลผลิตลำไยในฤดูจะน้อย  เนื่องจากภาวะอากาศแปรปรวนเกษตรกรจะต้องเอาใจใส่ดูแลลำไยของท่านตั้งแต่ออกดอก จนการเก็บเกี่ยวเป็นอย่างดี แล้วท่านจะได้เงิน    

แมลงศัตรูสำคัญช่วงลำไยออกดอกถึงติดผลขนาดเล็ก1.  หนอนกินดอกลำไย 
หนอนกินดอกมีพืชอาหารหลายชนิดนอกจากดอกลำไยแล้วยังกัดกินดอกลิ้นจี่ เงาะ และมะม่วง  หนอนมีสีน้ำตาลอ่อน หัวสีดำ เมื่อโตเต็มที่มีขนาดตัวยาวประมาณ 2  เซนติเมตร หนอนสร้างเส้นใยดึงช่อดอกมาติดกัน แล้วกัดกินอยู่ภายในก่อนเข้าดักแด้หนอนถักเส้นใยยึดดอกแห้งปนกับขี้หนอนเป็นก้อนกลมห่อหุ้มดักแด้อยู่ภายใน
15
รูป หนอนกินดอกลำไย

รูป ดักแด้หนอนกินดอก ห่อหุ้มด้วยดอกและขี้หนอน (ซ้ายมือ) และ คราบดักแด้ (ขวามือ)




16ผีเสื้อของหนอนกินดอกลำไย  ขณะเกาะอยู่กับที่ปีกหลุบลง ปีกมีสีน้ำตาลอ่อนปนม่วงอ่อน มีเส้นสีน้ำตาลพาดจากกลางปีกไปถึงปลายปีก  ผีเสื้อเพศเมียวางไข่ตามช่อดอก เมื่อหนอนฟักจากไข่เริ่มกัดกินช่อดอกโดยใช้เศษชิ้นส่วนของกลีบดอกถักเป็นรังอยู่ตามช่อดอก เพื่อเป็นที่อาศัยหลบซ่อนอยู่ภายใน
ศัตรูธรรมชาติ ในสภาพธรรมชาติมีแมลงศัตรูคอยทำลายหนอนกินดอกหลายชนิด
- มดแดง
- แตนเบียน
- แมลงวันก้นขน


การป้องกันกำจัดถ้าพบหนอนเข้าทำลายดอกลำไยหนาแน่น พ่นสารเคมี เมทามิโดฟอส (ทามารอน 60% sc) อัตรา 30  มิลลิลิตรต่อน้ำ 20  ลิตร ควรหลีกเลี่ยงการพ่นตอนดอกบาน
2.  ด้วงกินดอกลำไยด้วงหรือแมลงปีกแข็งกินดอกลำไยช่วงลำไยออกดอก พบด้วงปีกแข็งหลายชนิดกัดกินดอก และผลอ่อนทำให้ผลผลิตเสียหาย
9
การป้องกันกำจัด
ถ้ามีการระบาดฉีดพ่นด้วยคาร์บาริล (เซฟวิน 85% wp) อัตรา 45-60 กรัมต่อน้ำ 20  ลิตร เฉพาะจุดที่พบแมลงเข้าทำลายหนาแน่น
10


8




14


3. เพลี้ยหอยหลังเต่า ทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยอาศัยดูดกินน้ำเลี้ยงบริเวณช่อใบอ่อน ช่อดอก และผลลำไย โดยพบ อยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ตามบริเวณส่วนต่าง ๆ  ขณะดูดกินจะขับถ่ายของเหลวคล้ายน้ำเชื่อม ทำให้เป็นแหล่งอาหารของราดำ และมด
13
การป้องกันกำจัด1.  ตัดแต่งกิ่งหรือส่วนที่ถูกเพลี้ยหอยทำลายไปเผาหรือฝัง
2.  ใช้สารเคมี ควรใช้ตั้งแต่ระยะที่ตัวอ่อนเริ่มฟักออกมาจากไข่ใหม่ๆ จนถึงระยะตัวอ่อนที่ 2 และ 3 เนื่องจากระยะเหล่านี้เป็นระยะที่อ่อนแอต่อสารเคมีมากที่สุด
3.  ในกรณีที่พบเพลี้ยหอยเข้าทำลายในระดับไม่รุนแรงก็ควรที่จะเลือกใช้ปิโตรเลียมออยล์ ไวท์ออยล์ และสารสกัดจากพืช เช่น สมุนไพรลูกซัก และสะเดาบด ตามอัตราที่แนะนำ ก็สามารถควบคุมประชากรของเพลี้ยหอยได้ในระดับหนึ่ง
4.  สารเคมีที่มีประสิทธิภาพดีในการป้องกันกำจัดเพลี้ยหอยชนิดนี้ได้แก่ คาร์โบซัลแฟน อัตรา 80 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร คาร์บาริล อัตรา 60 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร และไดเมทโธเอท อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร การพ่นสารเคมี ควรพ่นซ้ำอีก 1-2 ครั้ง เมื่อยังตรวจพบระยะตัวอ่อนของเพลี้ยหอย

4. มวนลำไยมวนลำไยหรือแมงแกง ทำลายโดยดูดกินน้ำเลี้ยงบริเวณยอดอ่อน ก้านช่อดอกทำให้เหี่ยวแห้งและดูดกินน้ำเลี้ยงจากผลอ่อนทำให้ผลอ่อนแห้งและร่วง
6
การป้องกันกำจัดช่วงที่เป็นตัวอ่อนป้องกันกำจัดได้ผลดีกว่าตัวเต็มวัย ใช้สารเคมีแลมป์ดาไซฮาโลทริน (คาราเต้ 2.5% EC) อัตรา 10 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือเฟนวาลีเลต (ซูมิไซดิน 20% EC) อัตรา 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือคาร์บาริล     (เซฟวิน 85% WP) อัตรา 60 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร7




ท่านผู้อ่านท่านใดสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่       
อาจารย์จิรนันท์  เสนานาญ   นักวิชาการเกษตร      ฝ่ายส่งเสริมการเกษตร  สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร  มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โทร. 053-873938-9  ในวันและเวลาราชการ
รายงานโดย 
ฝ่ายส่งเสริมการเกษตร  สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร
มหาวิทยาลัยแม่โจ้  โทร. 053-873938-9
thainews

thainews2




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น